วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ซอฟต์แวร์ระบบ

ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ...........................ตัวอย่าง(4 อย่าง)


1.Window xp


  Windows XPคือ  เป็น เวอร์ชันของระบบปฏิบัติ Windows ระดับ desktop สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Microsoft มองว่า Windows XP เป็นเวอร์ชันสำคัญของ Windows นับตั้งแต่ Windows 95 โดย Windows XP สร้างขึ้นบน kernel ของ Windows 2000 แต่นำมุมมองส่วนบุคคลใหม่ ให้กับหน้าจอที่จะทำให้ง่าย สำหรับผู้ใช้ในค้นหา หรือนำเข้าภาพและเรียกไฟล์เพลงบนเว็บ และส่งผ่านมายัง เครื่องคอมพิวเตอร์ Windows ใหม่ยินยอมให้สมาชิกในครอบครัวแต่ละคนสามารถใช้ หน้าจอ desktop ของตัวเอง และชุดของไฟล์ส่วนบุคคล นอกจาก "My Computer" และ "My Documents" ที่มีให้ใน Windows 2000 ผู้ใช้ใน Windows XP จะเห็น "My Music" และ "My Picture" ส่วน Start Menu ได้รับการออกแบบ ให้หาโปรแกรมที่ใช้บ่อยได้ง่ายขึ้น Windows XP มีเวอร์ชัน Professional และ Home Edition

2.Window 7

Windows 7 คืออะไร

Windows 7 คืออะไร

windows7
หลายคนคงยังไม่รู้ว่า Windows 7 คืออะไร หลังจากที่คุณอ่านบทความนี้คุณก็จะสามารถนำไปบอกต่อของความหมายของWindows 7 เลยครับ ว่ามันคืออะไรกันแน่
Windows 7 เป็นระบบปฎิบัติการ(Operating System)ของทาง Microsoft ที่ได้ทำการพัฒนาต่อเนื่องมากจาก Windows 98 , Me , 2000 , XP ,Vista จนมาถึงปัจจุบัน คือ Windows 7 นั้นเอง โดยกลุ่มเป้าหมายของ Windows 7 นี้ก็คือบุคคลทั่วไป ตามองค์กร ตามบ้าน ที่ใช้คอมพิวเตอร์ โดย Windows 7 จะเป็นระบบปฎิบัติการที่เอามาลงบน Hardware อีกทีึครับ โดย Windows 7 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 ก.ค 2009 ครับ
โดยทาง Microsoft ได้ใช้ภาษา C , C++ ในการพัฒนา
Windows 7 นั้นได้ออกมาหลาย Edition เหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นตัว Windows 7 Starter, Window 7 Home Basic,Windows Home Premium,WIndow 7 Professional,Windows 7 Enterprise,Windows 7 Ultimate โดยของแตกต่างระหว่าง Editions ของ Windows 7 นั้นก็คือ การเพิ่ม Functions และลูกเล่นในการทำงานครับ ซึ่งถ้าเราจ่ายเงินเพิ่มมากยิ่งขึ้นเราก็จะได้ฟังก์ชั่นในการทำงานหรือลูกเล่นเพิ่มขึ้นนั้นเองครับ
Windows 7 OEM คือไัีัร
โดย License จะมี 2แบบ คือ OEM ,Volume License
สิทธิการใช้งานประเภทติดตั้งมาจากโรงงาน (OEM License) 
เป็นสิทธิการใช้ซึ่งจำหน่ายให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ สำหรับการติดตั้งไปพร้อมกับการจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ ลูกค้าไม่สามารถขอซื้อสิทธิการใช้งานแบบ OEM แยกต่างหากได้ 
  • สิทธิการใช้งานประเภทติดตั้งมาจากโรงงาน (OEM)
- ซอฟต์แวร์แบบ OEM จะถูกติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง PC หรือเซิร์ฟเวอร์ที่จำหน่ายเท่านั้น
- ไม่สามารถย้ายซอฟต์แวร์ OEM จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องอื่นได้ แม้จะไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดิมแล้วก็ตาม แต่สิทธิในการใช้ของซอฟต์แวร์แบบ OEM อาจถูกกำหนดใหม่ หากมีการซื้อ Software Assurance เพิ่มเติมภายใน 90 วันหลังจากการซื้อสิทธิแบบ OEM
- ซอฟต์แวร์ถูกจำกัดการใช้ด้วย Product ID Key หรือผ่านการเปิดใช้ทางเว็บหรือทางโทรศัพท์ 
(โดยปกติจะถูกเปิดใช้งานล่วงหน้าโดยผู้จัดทำระบบ)
- สิทธิแบบ OEM อาจมี Software Assurance ที่ซื้อภายใต้โปรแกรม Volume Licensing 
" สิทธิการใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Desktop แบบเต็มจะจำหน่ายในรูปแบบ FPP หรือ OEM เท่านั้น โดยแบบ OEM จะมีราคาถูกกว่ามาก ส่วนโปรแกรม Volume License จะมีเฉพาะการอัพเกรดระบบปฏิบัติการ Windows Desktop เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ต้องมีสิทธิแบบ OEM หรือ FPP ของ Windows อยู่ก่อนแล้ว จึงจะสามารถอัพเกรดได้
Microsoft Volume Licensing คืออะไร? 

ลูกค้าที่เข้าร่วมโปรแกรม Microsoft Volume Licensing จะสามารถซื้อสิทธิ์ได้ในราคาถูกกว่าการซื้อซอฟต์แวร์แบบกล่องจำหน่ายปลีก (Full Package Product - FPP) ดังนั้น สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้ซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์มากกว่า 1 ชุด การจัดซื้อผ่านโปรแกรม Volume Licensing จึงเป็นวิธีลด ค่าใช้จ่ายรวมในการเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership - TCO) อย่างมีประสิทธิภาพ

ไมโครซอฟท์ได้เตรียมการจำหน่ายสิทธิ์แบบ Volume Licensing ผ่านเครื่อข่ายของร้านค้า และคู่ค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกและเป็นช่องทางในการจัดซื้อที่สะดวกให้แก่ลูกค้า
อ้างอิงจาก Microsoft
microsoft-logo_new
โดย Windows 7นั้นรองรับการทำงานทั้ง 32bit , 64bit ซึ่้งเป็นโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของ Hardware ครับ ขอแตกต่างระหว่าง Windows 7x86/x64 ครับ 
ใน Windows 7 นั้นจะมีการรองรับการทำ virtualization หรือการจำลองคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอีกหลายๆเครื่องจากนั้นเครื่องหลักครับ โดยเราสามารถโหลด Virtual PC มาจำลอง OS XP บน Windows 7 ของเราได้อีกทีครับ และใน Windows 7 จะมีลูกเล่นใหม่ๆอีกมากมาย ใช้ง่าย สวย และมีึความรวดเร็วในการทำงานครับ และมี Security ที่สูงขึ้นเลยทีเดียว และหลายคนที่ชอบ Command line ในตัว Windows 7 ก็จะมี Power Shell มาใ้ห้อีกด้วยครับ
IIS 7 ที่ติดมากับ Windows 7 เอาไว้จำลองเครื่องตัวเองเป็น Host เพื่อทำ Website ในการพัฒนา ASPwindows7
IIS_4
Note ที่เอาไว้บันทึกงานต่างๆ
Note_2
ตอนแรกๆที่ผมมาใช้เจ้า Windows 7 นี้ก็แปลกๆดีครับ แต่พอเราใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะคุ้นกับมัน ทำให้คุณลืม Windows XP กันไปเลยทีเดียว ตามความคิดเห็นของผม Windows 7นี้แหละครับที่มาตอบโจทย์ของคุณในการทำงานในชีวิตประจำวัน แล้ววันนี้คุณลองใช้ Windows 7 แล้วหรือยังครับ

3 Window vista








Windows Vista คือ ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์รุ่นล่าสุด ที่พัฒนาต่อมาจากวินโดวส์เอกซ์พี และวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 ความสามารถใหม่
  • Windows Aero - ระบบวินโดวส์แอโร่ ระบบการแสดงผลกราฟิกใหม่ โดยจะมีลักษณะเป็นแบบโปร่งแสง สามารถมองเห็นหน้าต่างอื่นในฉากหลังได้
  • Window Desktop Manager - Window Desktop Manager หรือเรียกสั้นๆ ว่า WDM เดิมถูกเรียกว่า Desktop Compositing Engine หรือ DCE โดยถูกเพิ่มเติมมาพร้อมกับวินโดวสวิสตา ซึ่งทำให้วินโดวส์ แอโร สามารถใช้งานได้ โดยผู้ใช้ต้องติดตั้ง DirectX 9 โดย WDM จะคล้ายกับ Quartz Compositor ใน Mac OS X ซึ่งไม่สามารถจัดการผ่านทางหน้าจอได้โดยตรง
Windows Media Center, Windows Movie Maker ที่ให้ความละเอียดสูง และ Windows DVD Maker และยังมีคุณลักษณะทั้งหมดของ Windows Vista Business ด้วย ซึ่งได้แก่ ระบบเครือข่ายของสำนักงาน เครื่องมือการจัดการแบบรวมศูนย์ และคุณลักษณะขั้นสูงของการสำรองข้อมูลของระบบ และ Windows Vista Ultimate มีคุณลักษณะการรักษาความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลแบบใหม่ทั้งหมดซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพการทำงานที่วางใจได้ของ Windows Vistaให้สูงขึ้นกว่าเดิมทั้งระบบนอกจากนี้ Windows Vista Ultimate ยังสนับสนุนคุณลักษณะของระบบเคลื่อนที่ใหม่ใน Windows Vista ซึ่งได้แก่ Windows Tablet และ Touch Technology, Windows SideShow, Windows Mobility Center
                รุ่นของวินโดวส์วิสตา  มีสายผลิตภัณฑ์อยู่ทั้งหมด 6 รุ่น                Windows Vista Starter เป็นวินโดวส์วิสตาเวอร์ชั่นต่ำสุดและมีราคาถูกที่สุด เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เพิ่งเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ มีงบประมาณที่จำกัด หรือทำงานไม่มาก                Windows Vista Home Basic เป็นวินโดวส์วิสตารุ่นที่มีความสามารถที่ต่ำสุดในบรรดาวินโดวส์วิสตารุ่นปกติที่มีวางจำหน่าย                Windows Vista Home Premium เป็นรุ่นที่มีความสามารถสูงกว่า Microsoft Windows Vista Home Basic โดยมีคุณสมบัติทางด้านการแสดงผลแบบ Aero ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาในวินโดวส์วิสตา นอกจากนั้นแล้วยังเพิ่มคุณสมับติทางด้านการจัดการสื่อต่างๆโดยผ่านโปรแกรมและคุณสมบัติเฉพาะ เช่น Windows Media Center, Windows Media Extender, Windows DVD Maker, เกมต่างๆ และ Windows Movie Maker in HD                Windows Vista Business  ออกแบบมาเพื่อสำหรับการใช้งานในเชิงธุรกิจ และมีความสามารถทางธุรกิจมากกว่ารุ่น Home Premium นอกจากการแสดงผลแบบ Aero แล้ว คุณสมบัติในการส่งโทรสารผ่าน Windows Fax and Scan ก็ยังมีอยู่ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงคุณสมบัติ Shadow Copy ซึ่งสามารถบันทึกความเปลี่ยนแปลงของไฟล์รุ่นต่างๆได้ ทำให้สามารถนำข้อมูลสำคัญที่ถูกแก้ไขกลับคืนมาได้คุณสมบัติทางด้านการจัดการสื่อและความบันเทิงที่มีอยู่ใน Windows Vista Home Premium นั้นจะไม่มีอยู่ในWindows Vista Business คุณสมบัติเหล่านั้นได้แก่ Windows Media Center, การรองรับ Windows Media Extender, Windows Movie Maker in HD                Windows Vista Enterprise ถูกออกแบบมาสำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีความสลับซับซ้อนทางด้านระบบสารสนเทศ โดยมีคุณสมบัติที่มากกว่า Microsoft Windows Vista Business เช่น Windows Bitlocker Drive Encryption, คุณสมบัติการทำงานส่วนติดต่อผู้ใช้หลายภาษา (Multilingual User Interface) และคุณสมบัติที่สำคัญคือSubsystem for Unix Application (SUA) ที่ออกแบบมาเพื่อให้โปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Unix สามารถทำงานบนWindows Vista Enterprise ได้อย่างไม่มีปัญหา                Windows Vista Ultimate เป็นรุ่นของ Microsoft Windows Vista ทั่วไปที่มีความสามารถสูงมากที่สุดในกลุ่ม ซึ่งมีความสามารถเทียบเท่ากับ Home Premium และ Business รวมกัน และเพิ่มความสามารถทางด้านความปลอดภัยมากขึ้นด้วยการเพิ่มคุณสมบัติ Windows Bitlocker Drive Encryption หรือการเข้ารหัสทั้งดิกส์ไดรฟ์เพื่อความปลอดภัย ตลอดไปถึงความสามารถอื่นๆอย่างเช่นการทำงานส่วนติดต่อผู้ใช้หลายภาษา (Multilingual User Interface)


4.Window live

Windows Live คืออะไร

ทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการติดต่อและเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้ตลอดเวลา

โดย Kirsten Ballweg
Windows Live คือคอลเลกชันของโปรแกรมและบริการที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้คุณสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างเต็มที่และเน้นสิ่งที่สำคัญ นั่นคือ ชีวิตของคุณ นอกจากนี้ ราคายังเหมาะสมอีกด้วย นั่นคือฟรี ฉันจะอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้

คำจำกัดความของ Windows Live

Windows Live ช่วยให้ผู้คนติดต่อกันได้ตลอดเวลาและจัดระเบียบชีวิตออนไลน์ของพวกเขาไว้ในที่เดียว แต่ Windows Live เป็นมากกว่าเพียงบริการเว็บ นอกจากนี้ ยังรวมโปรแกรมสำหรับพีซีของคุณและบริการมือถือสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ ใช้งานเว็บได้ของคุณด้วย
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลโดยสรุปเกี่ยวกับบริการทั้งหมดของ Windows Live




ซอฟต์แวร์ประยุกต์ คือ ........................ ตัวอย่าง (4ตัวอย่าง)

1. Micrsosft word













โปรแกรมพื้นฐานที่ควรใช้เป็น

ไมโครซอฟท์เวิร์ด (Microsoft Word) คือโปรแกรมประเภท word processor ที่ใช้เหมาะสำหรับการพิมพ์รายงาน พิมพ์จดหมาย หรือจะใช้สำหรับแต่งนิยายก็ยังได้ เป็นหนึ่งในโปรแกรม ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ ซึ่งมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง หลากหลายเวอร์ชั่น แต่อย่างไรก็ตาม โดยหลักการ ถ้าเราศึกษาไมโครซอฟท์เวิร์ดเวอร์ชั่นใดเวอร์ชั่นหนึ่ง เราก็จะสามารถเรียนรู้เวอร์ชั่นอื่นๆ ได้ค่อนข้างง่าย เพราะส่วนใหญ่เวอร์ชั่นใหม่ๆ ก็จะการเปลี่ยนแปลงในลักษณะเพิ่มเติมเสียมากกว่าการลบออกไป

เรียนรู้ไมโครซอฟท์เวิร์ด เวอร์ชั่นไหนดี

แน่นอนครับ การศึกษาการใช้งาน เราควรศึกษาจากเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด หรืออย่างน้อยก็เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่เราติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของเรา สำหรับเวอร์ชั่นที่สามารถเรียนรู้กันได้ไม่ยาก นั่นคือ ไมโครซอฟท์เวิร์ด 2007, 2010 และ 2013 ขึ้นไป ส่วน ไมโครซอฟท์เวิร์ด 2003 หรือเวอร์ชั่นต่ำกว่านี้ จะมีหน้าตาที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก ส่วนตัวแล้วไม่แนะนำให้ใช้ เพราะเวอร์ชั่นใหม่ๆ มีความสามารถที่ทำให้เราทำงานได้ง่าย และรวดเร็วขึ้นมาก..

ไมโครซอฟท์เวิร์ด ทำอะไรได้บ้าง

microsoft word templates
microsoft word templates
  • พิมพ์จดหมาย รายงาน
  • ใส่ตาราง และบวกเลขได้ (แต่สู้ ไมโครซอฟท์เอ็กเซลไม่ได้)
  • ใส่หมายเลขหน้า แบบอัตโนมัติ
  • ปรับเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษร ขนาด
  • แทรกรูปภาพในเอกสาร
  • มีตัวช่วยค้นหาคำ? และเปลี่ยนคำผิดได้อัตโนมัติ
  • สามารถใส่ส่วนหัว Header / ส่วยท้าย Footer ได้
  • สามารถตั้งขนาดของกระดาษได้หลากหลาย
  • ทำจดหมายเวียน หรือ Mail Merge
  • ใส่หน้าปกอัตโนมัติ
  • มี Templates สวยๆ ให้เลือกใช้งาน
  • พิมพ์จ่าหน้าซองจดหมาย
  • ตรวจสอบการแก้ไขหรือ Trace Charge
  • สามารถบันทึกเป็น PDF ได้อัตโนมัติ
ความสามารถของไมโครซอฟท์เวิร์ดข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จริงๆ แล้วยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถหลักๆ ก็คือ การพิมพ์รายงาน ส่วนความสามารถเสริมอื่นๆ นั้น เป็นเพียงช่วยให้เราสามารถทำงานได้สะดวก รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
microsoft word 2010 screen
microsoft word 2010 screen
ไมโครซอฟท์เวิร์ดที่แนะนำให้ใช้
  • Office 365 (เวอร์ชั่นพิเศษ ที่ใช้งานแบบออนไลน์)
  • Microsoft Word 2013
  • Microsoft Word 2010
  • Microsoft Word 2007 (ขั้นต่ำที่แนะนำให้ใช้)




2.Microsoft powerpoint













Microsoft PowerPoint คือ

Microsoft PowerPoint คือ
 
 
โปรแกรม Microsoft PowerPoint 2007 เป็นโปรแกรมหนึ่งในตระกูล Microsoft Office เหมาะสำหรับการจัดสร้างงานนำเสนอข้อมูล (Presentation) สำหรับนำไปประยุกต์ใช้ในงานได้หลายประเภท เช่น การนำเสนอข้อมูลสินค้าและบริการ การจัดทำ Slide Show การออกแบบแผ่นพับ เป็นต้น

หลักการทำงานของ PowerPoint

สำหรับ หลักการทำงานของ Presentation ที่สร้างจาก PowerPoint จะสร้างออกเป็น slide ย่อยๆ แต่ละ slide สามารถใส่ข้อมูล รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียง เพื่อสร้างความน่าสนใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เรายังสามารถกำหนดให้ Presentation ของเรา นำเสนอออกมาแบบในรูปแบบอัตโนมัติได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการกดเลือกให้แสดงทีละ slide
ก่อนเริ่มต้นสร้าง Presentation ควรกำหนดรูปแบบของ Presentation ของเราก่อนว่า ต้องการให้แสดงออกในรูปแบบใด เช่น ต้องการให้ส่วนด้านบน แสดงเป็นชื่อหัวข้อ ด้านล่างเป็นชื่อบริษัท และฉากหลังให้แสดงเป็นสีน้ำเงิน เป็นต้น แต่ถ้ายังคิดไม่ออก สามารถเลือกรูปแบบจาก ตัวอย่าง Themes (เวอร์ชั่นเก่าเรียกว่า Template) ที่โปรแกรมมีไว้ให้ได้ เช่นเดียวกัน

สรุปความสามารถพื้นฐานของ PowerPoint 2007

  • สำหรับนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของ ข้อความ รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว
  • สามารถตกแต่งตัวอักษรให้สวยๆ ด้วย?WordArt ที่พิเศษกว่า PowerPoint 2003?
  • การทำงานจะแบ่งออกเป็นหน้าๆ แต่ละหน้าเรียกว่า Slide (คลิกแท็ปเมนู Home เลือก New Slide)
  • การสร้างจะมี Slide Layout ช่วยในการออกแบบและใส่ข้อมูล? (คลิกแท็ปเมนู Home เลือก Layout)
  • รูปแบบหรือ Themes จะมี Design สำหรับรูป ช่วยให้สร้าง Presentation ได้สะดวกมากขึ้น (คลิกแท็ปเมนู Design)
  • รองรับไฟล์ข้อมูลประเภทต่างๆ เช่น ตารางจาก Microsoft Excel เป็นต้น
  • รองรับภาพเคลื่อนไหวเช่น? Flash, Gif Animation, Video เป็นต้น
  • สามารถสั่งรันแบบอัตโนมัติได้
  • สามารถสั่งพิมพ์ในรูปแบบต่างๆ เช่น พิมพ์แบบ Slide, Handout เป็นต้น
  • ไฟล์ที่จะสร้างจาก Powerpoint 2007 มีนามสกุล .PPTX ถ้าเป็นเวอร์ชั่นเก่า จะมีนามสกุล .PPT
  • ถ้าไฟล์ที่สร้างเป็นไฟล์ .PPSX จะสามารถรับ Presentation แบบอัตโนมัติได้



3.Microsoft excel














คุณสมบัติที่สำคัญของ Microsoft Excel
 1.  ความสามารถด้านการคำนวณ โปรแกรม Microsoft  Excel สามารถป้อนสูตรการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เป็นต้น2.  ความสามารถด้านใช้ฟังก์ชัน  เช่นฟังก์ชันเกี่ยวกับตัวอักษร ตัวเลข วันที่ ฟังก์ชันเกี่ยวกับการเงินหรือเกี่ยวกับการตัดสินใจ3.  ความสามารถในการสร้างกราฟ โปรแกรม Microsoft Excel สามารถนำข้อมูลที่ป้อนลงในตารางมาสร้างเป็นกราฟได้ทันที4.  ความสามารถในการตกแต่งตารางข้อมูล โปรแกรม Microsoft   Excel สามารถตกแต่งตารางข้อมูลหรือกราฟ ข้อมูลด้วยภาพ สี และรูปแบบตัวอักษรต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวยงามและทำให้แยกแยะข้อมูลได้ง่ายขึ้น5.  ความสามารถในการเรียงลำดับข้อมูล โปรแกรม  Microsoft  Excel สามารถคัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่ต้องการมาวิเคราะห์ได้6.  ความสามารถในการพิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์ โปรแกรม Microsoft   Excel สามารถพิมพ์งานทั้งข้อมูลและรูปภาพหรือกราฟออกทางเครื่องพิมพ์ได้ทันที ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสร้างรายงาน7.  ความสามารถในการแปลงข้อมูลในตารางให้เป็นเว็บเพจ เพื่อนำไปแสดงในโฮมเพจ 1.  ความสามารถด้านการคำนวณ โปรแกรม Microsoft  Excel สามารถป้อนสูตรการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เป็นต้น2.  ความสามารถด้านใช้ฟังก์ชัน  เช่นฟังก์ชันเกี่ยวกับตัวอักษร ตัวเลข วันที่ ฟังก์ชันเกี่ยวกับการเงินหรือเกี่ยวกับการตัดสินใจ3.  ความสามารถในการสร้างกราฟ โปรแกรม Microsoft Excel สามารถนำข้อมูลที่ป้อนลงในตารางมาสร้างเป็นกราฟได้ทันที4.  ความสามารถในการตกแต่งตารางข้อมูล โปรแกรม Microsoft   Excel สามารถตกแต่งตารางข้อมูลหรือกราฟ ข้อมูลด้วยภาพ สี และรูปแบบตัวอักษรต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวยงามและทำให้แยกแยะข้อมูลได้ง่ายขึ้น5.  ความสามารถในการเรียงลำดับข้อมูล โปรแกรม  Microsoft  Excel สามารถคัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่ต้องการมาวิเคราะห์ได้6.  ความสามารถในการพิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์ โปรแกรม Microsoft   Excel สามารถพิมพ์งานทั้งข้อมูลและรูปภาพหรือกราฟออกทางเครื่องพิมพ์ได้ทันที ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสร้างรายงาน7.  ความสามารถในการแปลงข้อมูลในตารางให้เป็นเว็บเพจ เพื่อนำไปแสดงในโฮมเพจ





4.Microsoft office














ปุ่ม Office อยู่ที่ใด

ปุ่ม Office  จะอยู่ในมุมบนซ้ายของโปรแกรม ระบบ Microsoft Office 2007 ต่อไปนี้คือ Word, Excel, PowerPoint, Access และ Outlook (ในหน้าต่างการเขียนและการอ่าน)

ฉันจะเห็นสิ่งใดบ้างเมื่อฉันคลิกที่ปุ่ม Office

เมื่อคุณคลิก ปุ่ม Office  คุณจะเห็นคำสั่งพื้นฐานเดิมที่มีอยู่บนเมนู แฟ้ม ใน Microsoft Office รุ่นก่อนหน้านี้สำหรับเปิด บันทึก และพิมพ์แฟ้มของคุณ
อย่างไรก็ตามใน การวางจำหน่าย Office 2007 มีคำสั่งเพิ่มเติมที่พร้อมใช้งาน เช่น เสร็จสิ้น และ ประกาศ ตัวอย่างเช่น ใน Word, Excel และ PowerPoint โดยการชี้ไปที่ เสร็จสิ้น แล้วคลิก ตรวจสอบเอกสาร คุณสามารถตรวจสอบแฟ้มเพื่อหา Metadata ที่ซ่อนอยู่หรือข้อมูลส่วนบุคคลได้

คำสั่งตัวเลือกอยู่ที่ใด

หลังจากที่คุณคลิก ปุ่ม Office  คุณยังสามารถเห็นตำแหน่งที่ตั้งใหม่ซึ่งคุณสามารถตั้งค่าการกำหนดลักษณะของคุณได้อีกด้วย คำสั่ง ตัวเลือก ที่อยู่บนเมนู เครื่องมือ ได้ถูกย้ายไปอยู่ภายใต้ ปุ่ม Office  ตำแหน่งที่ตั้งใหม่สำหรับคำสั่ง ตัวเลือก อยู่ในมุมล่างขวา ภายใต้ ตัวเลือกของ Wordตัวเลือกของ Excelตัวเลือกของ PowerPoint หรือ ตัวเลือกของ Access ที่แสดงต่อไปนี้คือตำแหน่งที่ตั้งใน Microsoft Office Excel 2007

ทำไมปุ่ม Office จึงกะพริบ

ปุ่ม Office  ควรกะพริบเฉพาะกรณีที่คุณไม่ได้คลิกที่ปุ่มเพื่อดูคำสั่งต่างๆ เท่านั้น การกะพริบคือคุณลักษณะ "ดูที่ฉัน/คลิกที่นี่" เนื่องจากคนส่วนใหญ่คิดว่าปุ่มนี้มีลักษณะเหมือนเป็นโลโก้สำหรับตกแต่ง มากกว่าที่จะเป็นปุ่มสำหรับคลิกเพื่อดูคำสั่ง ถ้าคุณคลิกปุ่ม Office  หนึ่งครั้ง ปุ่มควรหยุดกะพริบ
ในขณะนี้ ยังไม่มีวิธีใดที่จะปิดการกะพริบ

ฉันจะกำหนดรายการของแฟ้มที่ใช้ล่าสุดเองได้อย่างไร

โปรแกรม Microsoft Office หลายโปรแกรมจะแสดงแฟ้มจำนวนหนึ่งที่คุณได้เปิดล่าสุดในโปรแกรมนั้น คุณสามารถใช้การเชื่อมโยงบนรายการนี้เพื่อเข้าถึงแฟ้มได้อย่างรวดเร็ว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณลักษณะนี้จะเปิด ปิด หรือปรับจำนวนแฟ้มที่คุณลักษณะนี้แสดง ให้ดูที่ การกำหนดรายการของแฟ้มที่ใช้ล่าสุดเอง

ฉันจะเห็นปุ่ม Office ใน Outlook เมื่อใด

ใน Microsoft Office Outlook 2007 เมื่อคุณอ่านหรือสร้างรายการข้อความ งาน ที่ติดต่อ หรือรายการปฏิทิน คุณจะเห็น ปุ่ม Office ใหม่ 

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์


1.เคส
เคส เคสก็เปรียบได้กับตัวถังรถยนต์ที่ทำหน้าที่หุ้มห่อชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ มีลักษณะ เป็นกล่องโลหะสี่เหลี่ยมทำหน้าที่หุ้มห่อชิ้นส่วนต่างๆ ของ คอมพิวเตอร์ เคสมีหลายแบบ เช่น แบบนอนหรือ Desktop เคสแบบตั้งหรือ Tower ซึ่งเคสแบบนี้ยังแยกย่อยไปอีก เช่น แบบ Mini Tower (แบบมินิ) Medium Tower (แบบมิเดี้ยม) หากจะเลือกซื้อแนะนำให้เลือกแบบ Tower ขนาด อย่างน้อย ต้อง Medium ซึ่งเป็นเคสขนาดกลางๆ รองรับการต่อเติมอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเพียงพอ อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ถูกติดตั้งใกล้ชิดกันมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อน เพราะการระบายอากาศไม่ดี

เคสแต่ละแบบจะมีพาวเวอร์ซัพพลายในตัวซึ่งมีกำลังไฟแตกต่างกัน เช่น 200 W, 230 W หรือ 250 W หากเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ใช้มีอุปกรณ์ไม่มาก เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ อย่างละตัว การ์ดจอ การ์ดเสียง ก็เลือกพาวเวอร์ซัพพลาย 230 W เป็นอย่างน้อย กำลังไฟฟ้าไม่พอ จะมีผลทำให้ฮาร์ดดิสก์เสีย ได้เหมือนกัน แต่การเลือกใช้พาวเวอร์ซัพพลายที่มีวัตต์สูงๆ ก็กินไฟมากกว่า จึงต้องพิจารณาให้ดีก่อนเลือกซื้อ
เคสบางแบบก็ถูกออกแบบมาเพื่อซีพียูบางรุ่นโดยเฉพาะ เช่นซีพียูเพนเทียมโฟร์ ไม่เช่นนั้น จะจ่ายไฟไม่พอ อาจทำให้ซีพียูเสียหายได้

ในปัจจุบันได้มีการออกแบบเคสแบบใหม่เรียกว่า ATX เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องบางอย่างของเคส และเมนบอร์ดแบบเก่าหรือแบบ AT ปัจจุบันก็มีผู้นิยมใช้เคสแบบนี้กัน มาก เริ่มมีการนำมาใช้กับ คอมพิวเตอร์เพนเทียมรุ่นหลังๆ ประมาณเพนเทียม 166 ขึ้นไป จนมาถึงปัจจุบัน ในขณะที่แบบ AT มีใช้กันมาตั้งนานนม ปัจจุบันก็ยังใช้ กันอยู่ ราคาถูกกว่าเคสแบบ ATX โดยสรุปก็คือ เราอาจแบ่ง ประเภทของเคสได้เป็น 2 แบบ ATX และ AT ข้อแตกต่างของเคสที่สังเกตง่ายก็คือ ด้านหลังเคส และสาย ต่อไฟเข้า เมนบอร์ดไม่เหมือนกัน เคสแบบ ATX ที่ด้านหลังพอร์ตต่างๆ เช่น พอร์ตเครื่องพิมพ์ เมาส์ Com1 หรือ Com2 จะอยู่ตำแหน่งติดๆ กัน พอร์ตต่างๆ จะอยู่ ในแนวตั้งและมีตำแหน่งเฉพาะ ไม่สามารถถอดเปลี่ยนตำแหน่งได้ แต่เคสแบบ AT ตำแหน่งของพอร์ดเหล่านี้จะอยู่ในแนวนอนและ ขึ้นอยู่กับผู้ติดตั้งว่าจะติดตั้ง ตำแหน่งใด


ส่วนประกอบของเคส 
สำหรับเคสโดยปกติที่ซื้อมาใหม่หรือไม่ถูกถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนใดๆ ก็จะมีส่วนประกอบต่างๆ ดังนี้
1. พาวเวอร์ซัพพลายหรือตัวจ่ายไฟ จะถูกติดตั้งมาพร้อมกับเคส
2. สายสัญญาณ Reset, Hdd Led, Power Switch, Power Led และ Speaker
3. น็อตและหมุดพลาสติกสำหรับยึดเมนบอร์ดเข้ากับเคส
4. สายไฟพาวเวอร์ สำหรับต่อไฟเข้าเมนบอร์ดต่อไฟฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรว์ ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ เป็นต้น

2.ศีย์บอร์ด

คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์รับข้อมูลหรือเป็นส่วน Input เพื่อนำไปประมวลผล คีย์บอร์ดมีหลาย แบบ เช่น แบบมีปุ่มควบคุมการเล่นเพลง ซึ่งเรียกว่าคีย์บอร์ดแบบมัลติมิ เดีย คีย์บอร์ดแบบไร้สาย สื่อสารข้อมูลผ่านพอร์ตอินฟราเรด เป็นต้น
ประเภทของคีย์บอร์ด 
1. Serial Key Board เป็นคีย์บอร์ดที่มีมาแต่ดั้งเดิม ยุคกำเนิดคอมพิวเตอร์ สังเกตง่ายๆ ก็คือส่วนหัวสำหรับต่อกับเมนบอร์ด จะมีขนาดใหญ่ คีย์บอร์ดประเภทนี้ จะใช้กับเมนบอร์ดหรือเคส แบบ AT

2. PS/2 Key Board เป็นคีย์บอร์ดที่พัฒนาขึ้นใหม่ ส่วนหัวต่อมีขนาดเล็กกว่าแบบแรก คีย์บอร์ดประเภทนี้จะใช้กับเมนบอร์ด หรือเคสแบบ ATX

การเลือกซื้อคีย์บอร์ด
ไม่ว่าจะมียี่ห้อหรือคีย์บอร์ดทั่วๆ ไป ราคา 200 กว่าบาท ก็ค่อนข้างทนทานพอสมควร ตั้งแต่ ใช้เครื่องมายังไม่เคยใช้จนพังเลยสักที แต่มีสิ่งที่ต้องใส่ใจในการเลือก ซื้อก็คือ ปุ่มต่างๆ นิ่มมือดีหรือ ไม่ เสียงไม่ดังเกินไป ลองวางมือแล้วพิมพ์ข้อความแล้วรู้สึกคล่องดีหรือไม่ และสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง ก็คือเลือกหัวต่อให้ถูกต้อง ตรงกับ เมนบอร์ดที่ใช้
3.เมาส์
เมาส์เป็นอุปกรณ์ใช้เลือกและป้อนคำสั่งเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ โดยปกติเมาส์จะมีสามปุ่ม แต่บางรุ่นอาจจะมีสองปุ่ม ปุ่มซ้าย เป็นปุ่มที่ใช้งานโดยปกติ ปุ่มขวา ใช้เรียกคำสั่งลัดหรือคำสั่ง ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานตรงส่วนนั้นๆ ส่วนปุ่มตรงกลางไม่มีหน้าที่อะไร แต่ก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมบาง โปรแกรมอาจกำหนดให้สามารถใช้ ปุ่มกลางทำบางสิ่งบางอย่างได้ ทั้งนี้ตรงกลางเมาส์บางแบบ ทำเป็น ล้อเลื่อน สำหรับดูข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต สามารถเลื่อนที่ล้อเลื่อนเพื่อดูหน้าต่างๆ ได้



ประเภทของเมาส์ 
เมาส์มีหลายแบบ ซึ่งอาจแบ่งประเภทของเมาส์ได้ ดังนี้
1. Serial Mouse เป็นเมาส์แบบดั้งเดิมหรือแบบเก่าหรือเรียกว่าหัวเหลี่ยม เชื่อมต่อกับ พอร์ต Com1 หรือ Com2

2. PS/2 Mouse เป็นเมาส์แบบใหม่ที่ได้มีการพัฒนาขึ้นมา หัวต่อจะมีขนาดเล็กกว่าแบบ แรก ข้อดีของการใช้เมาส์แบบนี้ก็คือ จะเหลือพอร์ต Com1 และ Com2 ไว้ใช้งานอย่างอื่น เช่น ต่อโมเด็มหรือปาล์ม

3. Trackball เป็นเมาส์อีกแบบหนึ่งคล้ายๆ กับการจับเมาส์หงายขึ้นแล้วใช้มือหมุนลูกกลิ้ง แทน โดยส่วนมากจะใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ Notebook

4. Infrarate Mouse คล้ายๆ กับรีโมตคอนโทรลที่ควบคุมการทำงานของทีวี จะไม่มีสายเชื่อมต่อระหว่างเมาส์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่จะใช้แสงอินฟราเรดใน การรับส่งสัญญาณ แทน เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นวิทยากร หรืออาจารย์สอนคอมพิวเตอร์ หรือการนำเสนอข้อมูลใดๆ ด้วย คอมพิวเตอร์ เพราะคุณสามารถเลื่อนตัวชี้ ของเมาส์เพื่อควบคุมการนำเสนอได้ค่อนข้างสะดวก ไม่ต้องยืน ควบคุมเมาส์ที่โต๊ะอย่างเดียว

การเลือกซื้อเมาส์
การเลือกซื้อเมาส์ราคาประมาณ 200 บาทขึ้นไป เลือกที่มียี่ห้อสักหน่อย ใช้กันจนลืมไปเลย ทีเดียว เมาส์จะมีอายุการใช้งานก็ต้องดูแลรักษา เรื่องฝุ่นอย่าให้เข้าใกล้ คลุมทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน หมั่นเช็ดฝุ่นที่แกนหมุน จะช่วยให้การเลื่อนเมาส์ลื่นไหลไม่ติดขัด
การเลือกซื้อ ก็ลองกดปุ่มหรือลองคลิก นิ่มนวลหรือไม่ เสียงไม่ดัง จับกระชับมือ เลือกแบบ มีล้อตรงกลางก็ยิ่งดี ไว้เลื่อนหน้า เวลาท่องเว็บ หรือใช้งานโปรแกรมพิมพ์ เอกสารจะสะดวกมาก


4.พาวเวอร์ซัพพลาย
พาวเวอร์ซัพพลายหรือหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นส่วนที่ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าในบ้านให้เป็นไฟฟ้าที่ พอเหมาะกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มีอยู่สองแบบคือ AT และ ATX ใน การเลือกใช้ให้พิจารณาอุปกรณ์ ที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ หากมีค่อนข้างมาก เช่น การ์ดเสียง การ์ดจอ การ์ดโมเด็ม การ์ดเน็ตเวิร์ค ซีดีรอมไดรว์ ฮาร์ดดิสก์ ฯลฯ ควรเลือกขนาดของหม้อแปลงไฟฟ้าค่อนข้างมากหน่อย เช่น 230 W หรือ 250 W การสังเกตความแตกต่างของหม้อแปลงทั้งสองแบบคือ ส่วนเชื่อม ต่อเพื่อ จ่ายไฟให้กับเมนบอร์ด แบบ AT จะแยกเป็นสองสาย ส่วน ATX จะติดกัน

ส่วนท่านใดที่ใช้เพนเทียมโฟร์ จะต้องเลือกใช้พาวเวอร์ซัพพลายที่ออกแบบมาสำหรับซีพียูรุ่นนี้ โดยเฉพาะ แพงกว่าด้วย ไม่รู้เหมือน กันว่าทำไมสองบริษัทนี้คืออิน เทลและไมโครซอฟท์ออกผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ ทีไร ก็ต้องมีเรื่องเสียเงินเพิ่มอยู่เรื่อย





5.ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร


ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) ถือว่ามีความสำคัญมาก ถ้าหากไม่มีฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณจะไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากขาดสื่อหลักที่ใช้ในการเก็บบันทึกข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์

ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) เปรียบเสมือนคลังเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีความจุที่ค่อนข้างสูง ภายในฮาร์ดดิสก์จะมีแผ่นจานเหล็กกลมแบบที่ใช้บันทึกข้อมูลวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ และยึดติดกับมอเตอร์ที่มีความเร็วในการหมุนหลายพันรอบต่อนาทีโดยมีแขนเล็กๆที่ยื่นออดมา ตรงปลายแขนจะมีหัวอ่านซึ่งใช้สำหรับการอ่านหรือเขียนข้อมูลลงบนจานแม่เหล็ก การอ่านหรือเขียนข้อมูลของฮาร์ดดิสก์จะใช้หลักการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กที่หัวอ่านขนาดของจานที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (Desktop) จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3.5 นิ้ว ส่วนถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ของโน้ตบุ๊คก็ประมาณ 2.5 นิ้ว




6.แรม (RAM) คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร

แรม (RAM) คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร ถ้าให้พูดกันลอยๆก็คงคิดกันไปว่า แรม ทำให้คอมเร็วขึ้นยิ่งแรมเยอะคอมเร็วก็ยิ่งเร็ว แต่รู้หรือไม่ว่าหน้าที่จริงๆ ของแรมนั้นคืออะไร

แรม (RAM : Random Access Memory) คือ หน่วยความจำที่ใช้เป็นหน่วยความจำหลักของเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นหน่วยความจำประเภทที่อ่าน/เขียน ข้อมูลลงไปได้ตลอดเวลา แต่ถ้าไฟดับหรือปิดเครื่อง ข้อมูลในหน่วยความจำจะหายหมดทันที

หน่วยความจำจะทำงานร่วมกันกับซีพียู (CPU)อยู่ตลอดเวลา่ แทบทุกจังหวะการทำงานของซีพียู (CPU) จะต้องมีการอ่าน/เขียนข้อมูลไปยังหน่วยความจำเสมอ หรือแม้แต่ในขณะที่เราสั่งย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งก็ต้องใช้หน่วยความเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล



7.การ์ดจอ (Graphic Card) คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร


การ์ดจอ (Graphic Card)
 หรือการ์ดแสดงผล เป็นเหมือนสีสันของคอมพิวเตอร์เลยครับ การ์ดจอ (Graphic Card) คือ แผงวงจรที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปแสดงผลยังจอภาพ(Monitor) ในปัจจุบันจะมีรูปแบบของหัวต่อหรือสล็อต 2 แบบ คือ AGP (Accelerator Graphic Port)ซึ่งเป็นแบบเก่าตอนนี้ไม่นิยมกันแล้ว อาจจะเลิกผลิตไปแล้วก็ได้ครับที่เห็นๆ อยู่คงจะเป็นมือ 2 ที่ยังหลงเหลืออยู่หรือของที่ค้างสต๊อก และอีกระบบหนึ่งคือ PCI Express x16 ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด


โปรแกรมในปัจจุบันมีความต้องการการคำนวณทางด้านกราฟิคที่สูงมาก อย่างที่รู้ๆ กันคือ เกมส์ ที่เรากันอยู่ในปัจจุบันครับ บรรดาผู้ผลิตต่างก็พัฒนาเกมของตนให้มีภาพกราฟิคที่ละเอียดสมจริง การ์ดจอจึงต้องพัฒนาให้สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกราฟฟิคที่สวยงาม ตระกาลตา ปัจจุบันนี้ก็ HD(Hi definition)กันเกือบหมดแล้ว







8.เมนบอร์ด (Mainboard) คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร

เมนบอร์ด (Mainboard) คือ ศุนย์กลางของการเชื่อมต่อสำหรับอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีชิปเซตที่ำทำหน้าที่รับ/ส่งข้อมูลของอุปกรณ์ต่างๆ อีกขั้นหนึ่ง เมนบร์ด (Mainboard)นิยมใช้มาตรฐานการออกแบบ ATX (Advance Technology Extension) ปรับปรุงจากระบบเก่าที่เป็นแบบ Body AT โดยแบบใหม่จะมีการปรับปรุงบริเวณ ซีพียู(CPU)โดยจะย้ายไปไกลพัดลมของแหล่งจ่ายไฟ(Power Supply) ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น

และล่าสุดนี้มีการพัฒนาแบบ BTX (Balance Technology Extension) ได้นำพัดลมมาไว้ด้านหน้าเึคสเพื่อนำลมเย็นเข้าไปภายในระบบและนำซีพียู(CPU)มาไว้ด้านหน้าเครื่องเพื่อรับสมเย็นโดยตรง ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องใ้ช้พัดลมที่มีความเร็วรอบสูงและเสียงดัง ปัจจุบันเมนบอร์แบบ BTX ไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น เคส ฮัตซิงค์ เป็นต้น
นอกจากเมนบอร์ดมาตรฐาน ATX (Advance Technology Extension) ปัจจุบันยังมีเมนบอร์ดมาตรฐาน Mini-ITX เป็นเมนบอร์ดขนาดเล็กสำหรับคอมพิวเตอร์ทีมีขนาดเล็กเพื่อความบันเทิงหรือ HTPC และเคสก็ออกแบบมาอย่างเหมาะสมเพื่อวาง LCD TV ตัวเมนบอร์จึงมีขนาดเล็กตามไปด้วย เมนบร์ดบอร์ดลักษณะนี้จะรวมทุกอย่างไว้บนเมนบอร์ดและมีเพียง 1 สล็อตเท่านั้น


ส่วนประกอบของเมนบอร์ดจะประกอบไปด้วย

  1. ซ็อกเก็ตซีพียู (CPU Socket)
  2. ชิปเซต (Chipset)
  3. ซ็อกเก็ตแรม (RAM Socket)
  4. สล็อตของการ์ดจอ (Graphic Card Slot)
  5. สล็อต PCI (PCI Slot)
  6. หัวต่อไดรว์ต่างๆ
  7. หัวต่อแหล่งจ่ายไฟ
  8. ชิปรอมไบออส (ROM BIOS)
  9. หัีวต่อสายสวิตช์ควบคุม
  10. พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ

9.ดิสไดร์

img12.jpg 
 เครื่องจานแม่เหล็ก (disk drive) เป็นเครื่องที่ใช้อ่านและบันทึกข้อมูลบนจานแม่เหล็ก มีหลักการทำงานคล้ายเครื่องเล่นจานเสียงธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่แทนที่จะมีเข็มกลับมีหัวอ่านและหรือหัวบันทึก (read-write head) คล้ายเครื่องแถบแม่เหล็กที่เคลื่อนที่เข้าออกได้ เครื่องจานแม่เหล็ก มีสองแบบ คือ แบบจานติดอยู่กับเครื่อง (fixed disk) และแบบยกจานออกเปลี่ยนได้ (removable disk)
จานแม่เหล็กส่วนใหญ่ทำด้วยพลาสติก มีรูปร่างเป็นจานกลมคล้ายจานเสียงธรรมดา แต่ฉาบผิวทั้งสองข้างด้วยสารแม่เหล็กเฟอรัสออกไซด์ การบันทึกทำบนผิวของสารแม่เหล็กแทนที่จะเซาะเป็นร่องเล็ก ๆ การอ่านและการบันทึกข้อมูลกระทำโดยใช้หัวอ่านที่ติดตั้งไว้บนแผงที่สามารถเลื่อนเข้าออกได้
ข้อมูลจะถูกบันทึกไว้บนรอยทางวงกลมบนผิวจานซึ่งมีจำนวนต่าง ๆ เช่น 100-500 รอยทาง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของจานมีตั้งแต่ 1-3 ฟุต สามารถบันทึกตัวอักษรได้หลายล้านตัวอักษร การบันทึกใช้บันทึกทีละบิตโดยใช้แปดบิตต่อหนึ่งไบต์ จานแม่เหล็กหมุนเร็วประมาณ 1,500-1,800 รอบต่อนาที สามารถค้นหาข้อมูลด้วยเวลาเฉลี่ยประมาณ 50 มิลลิวินาที สามารถย้ายข้อมูลด้วยอัตราเร็วสูงถึง 320,000 ไบต์ต่อวินาที ขอให้เราสังเกตว่าเวลาเฉลี่ยเหล่านี้เป็นเวลาที่ช้ากว่าเครื่องรุ่นใหม่ ๆ มาก
ถ้าต้องการเก็บข้อมูลจำนวนมาก เขาจะใช้จานแม่เหล็กที่มีจำนวน 2 หรือ 6 หรือ 12 จานมาติดตั้งซ้อนกันตามแนวดิ่ง รวมกันเป็นหนึ่งหน่วย เรียกว่า ดิสก์แพ็ค (disk pack) ซึ่งเราสามารถยกดิสก์แพ็คเข้าออกจากเครื่องได้ การทำเช่นนี้ ทำให้จานแม่เหล็กสามารถทำหน้าที่คล้ายแถบแม่เหล็ก

10.CPU ย่อมาจาก Central Processing Unit
CPU ทําหน้าที่อะไร
CPU นับว่าเป็นฮาร์ดแวร์ที่มีความสำคัญมากที่สุดของระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจาก CPU จะทำหน้าประมวลผล คำนวณและวิเคราะห์ผลชุดคำสั่งที่ส่งมาจากซอฟแวร์ทุกชนิดในระบบคอมพิวเตอร์ และยังทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งระบบอีกด้วย
CPU ทําหน้าที่อะไร
CPU Core i3 ของ Intel
หลักการทำงานของ CPU นั้นเริ่มจาก Software ต่างๆในระบบส่งชุดคำสั่งที่ต้องการประมวลผลมายังหน่วยความจำหลัก (RAM) จากนั้น RAM จะทำการจัดเรียงคำสั่งต่างๆตามคิวที่เข้ามา จากนั้น CPU จะอ่านคิวของชุดคำสั่งเหล่านั้นเพื่อประมวลผลตามลำดับก่อนหลัง เมื่อคำนวณผลเสร็จแล้วก็จะผลลัพธ์นั้นกลับมายัง RAM เพื่อส่งต่อไปยังโปรแกรมเจ้าของชุดคำสั่งนั้นๆเพื่อแสดงผลต่อไป อีกทั้งยังสามารถส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น Harddisk ได้อีกด้วย
ถ้าเทียบกับร่างกายคนเรา CPU ก็ทำหน้าที่เหมือนสมองนั่นเอง…





11.Monitor จอภาพ

Monitor




จอภาพ Monitor เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่มีชื่อเรียกมากมาย เช่น Monitor, CRT (Cathode Ray Tube) สามารถแบ่งได้หลายรูปแบบ เช่น แบ่งเป็นจอแบบตัวอักษร (Text) กับจอแบบกราฟิก (Graphic) โดยจอภาพแบบตัวอักษรจะมีหน่วยวัดเป็นจำนวนตัวอักษรต่อบรรทัด เช่น 80 ตัวอักษร 25 บรรทัด สำหรับจอภาพแบบกราฟิก จะมีหน่วยวัดเป็นจุด (Pixel) เช่น 640 pixel x 480 pixel
ลักษณะภายนอกของจอภาพก็คล้ายๆ กับจอโทรทัศน์นั่นเอง สิ่งที่แสดงออกทางจอภาพมีทั้งข้อความ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว โดยรับข้อมูลจากการ์ดแสดงผล (Video Card, Video Adapter) ซึ่งเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ที่เสียบบนเมนบอร์ด ทำหน้าที่นำข้อมูลจากหน่วยประมวลผล มาแปลงเป็นสัญญาณภาพ แล้วส่งให้จอภาพแสดงผล
ปัจจุบันมีการพัฒนาจอภาพออกมาหลากหลายลักษณะ โดยเน้นที่จำนวนสี ความละเอียด ความคมชัด การประหยัดพลังงาน โดยสามารถแบ่งประเภทจอภาพ ที่ใช้ในปัจจุบันได้กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
  1. จอภาพสีเดียว (Monochrome Monitor)
    จอภาพที่รับสัญญาณจากการ์ดควบคุม ในลักษณะของสัญญาณดิจิตอล คือ 0 กับ 1 โดยการกวาดลำอิเล็กตรอนไปตกหน้าจอ แล้วเกิดเป็นจุดเรืองแสง จะให้สัญญาณว่าจุดไหนสว่าง จุดไหนดับ จอภาพสีเดียวเวลานี้ไม่มีผู้นิยมแล้ว
  2. จอภาพหลายสี (Color Monitor)
    จอภาพที่รับสัญญาณดิจิตอล 4 สัญญาณ คือ สัญญาณของสีแดง, เขียว, น้ำเงิน และสัญญาณความสว่าง ทำให้สามารถแสดงสีได้ 16 สี ถึง 16 ล้านสี
  3. จอภาพแบบแบน (LCD; Liquid Crystal Display)
    จอภาพผลึกเหลวใช้งานกับคอมพิวเตอร์ประเภทพกพาเป็นส่วนใหญ่ เป็นแบ่งได้เป็น
    1. Active matrix จอภาพสีสดใสมองเห็นจากหลายมุม เนื่องจากให้ความสว่าง และสีสันในอัตราที่สูง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า TFT – Thin Film Transistor และเนื่องจากคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ราคาของจอประเภทนี้สูงด้วย
    2. Passive matrix color จอภาพสีค่อนข้างแห้ง เนื่องจากมีความสว่างน้อย และสีสันไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถมองจากมุมมองอื่นได้ นอกจากมองจากมุมตรง เรียกอีกชื่อได้ว่า DSTN – Double Super Twisted Nematic
        การทำงานของจอภาพ เริ่มจากการกระตุ้นอุปกรณ์หลอดภาพให้ร้อน เกิดเป็นอิเล็กตรอนขึ้น และถูกยิงด้วยปืนอิเล็กตรอน ให้ไปยังจุดที่ต้องการแสดงผลบนจอภาพ ซึ่งที่จอภาพจะมีการเคลือบสารฟอสฟอรัสเรืองแสง เมื่ออิเล็กตรอนเหล่านี้วิ่งไปชน ก็จะทำให้เกิดแสงสว่าง ซึ่งจะประกอบกันเป็นรูปภาพ ในการยิงลำแสดงอิเล็กตรอน มันจะเคลื่อนที่ไปตามแนวขวาง จากนั้นเมื่อกวาดภาพ มาถึงสุดขอบด้านหนึ่ง ปืนลำแสงก็จะหยุดยิง และ ปรับปืนอิเล็กตรอนลงมา 1 line และ เคลื่อนที่ไปยังขอบอีกด้านหนึ่ง และทำการยิ่งใหม่ ลักษณะการยิงจึงเป็นแบบฟันเลื่อย
        ปัจจุบันกระแสจอแบน ได้เข้ามาแซงจอธรรมดา โดยเฉพาะประเด็นขนาดรูปทรง ที่โดดเด่น ประหยัดพื้นที่ในการวาง รวมทั้งจุดเด่นของจอภาพแบน ก็คือประหยัดพลังงาน โดยจอภาพขนาด 15 - 17 นิ้ว ใช้พลังงานเพียง 20 - 30 วัตต์ และจะลดลงเหลือ 5 วัตต์ในโหมด Standby ในขณะที่จอธรรมดา ใช้พลังงานถึง 80 - 100 วัตต์